วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556

แกงเลียงกุ้งสด

แกงเลียง เป็นอาหารที่มีรสชาติเฉพาะตัว อร่อยเผ็ดร้อนด้วยพริกไทย หอมกลิ่นสมุนไพรจากพืชผักหลากหลายชนิด มีประโยชน์ในการขับพิษ ไข้เป็นอย่างดี
แกงเลียง เป็นแกงที่ประกอบด้วยน้ำพริก ผัก เนื้อสัตว์ น้ำแกงและเครื่องปรุงรส น้ำพริกแกงเลียงจะแปลกกว่าน้ำพริกแกงชนิดอื่นๆ เพราะมีพริกไทย หัวหอม กะปิ กุ้งแห้ง ปลาย่างหรือปลากรอบ น้ำแกงมีลักษณะข้น ผักที่นิยมใส่ที่สามารถบอกลักษณะว่าเป็น “แกงเลียง” คือ ใบแมงลักมี กลิ่นหอม่ารับประทาน นอกจากนั้นยังมีผักเช่น ตำลึง ฟักทอง ข้าวโพดอ่อน หัวปลี บวบ ผักหวาน ฯลฯ เนื้อสัตว์ ได้แก่ กุ้งสด เนื้อไก่ ฯลฯ ปรุงรสด้วยน้ำปลาหรือเกลือแกงเลียง

ส่วนผสม แกงเลียง

  1. บวบเหลี่ยม ประมาณ 1 ลูก ขนาดพอดีปอกเปลือกออกจนเกลี้ยงเกลา ให้เหลือเปลือกไว้บ้าง เพื่อรักษาคุณค่าทางอาหาร หั่นเป็นชิ้นขนาด 12 – 15 ชิ้น
  2. ฟักทอง หันชิ้นพอคำ จำนวน 10 – 12 ชิ้น
  3. กระชาย 2 หัว ทุบเบาๆแล้วหั่นเป็นท่อนยาวประมาณ 1 นิ้ว
  4. ยอดตำลึง 10 ยอดเด็ดเอาแต่ใบอ่อนๆ
  5. ข้าวโพดอ่อนหั่นแฉลบ 4 ฝัก
  6. ถ้าชอบเผ็ด ใส่พริกขี้หนูสด 5 – 6 เม็ด บุบพอแตก
  7. ใบแมงลัก 3 – 4 กิ่ง เด็ดเอาแต่ใบหรือยอดดอกอ่อนๆ
  8. กุ้งแม่น้ำหรือกุ้งชีแฮ้หรือกุ้งก้ามกราม 6 – 7 ตัว ปอกเปลือกเอาเส้นดำออก
  9. น้ำซุป(จากการต้มซี่โครงหมูหรือโครงไก่) หรือไม่มีก็น้ำเปล่า 4 ถ้วยตวง
  10. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

เครื่องแกง แกงเลียง

  1. กระชาย 4 หัว
  2. พริกชี้ฟ้าแดงผ่าเอาเมล็ดออก 2 เม็ด
  3. พริกไทยขาว 12 เม็ด
  4. หอมแดงหัวขนาดกลาง 5 หัว
  5. กุ้งแห้ง 2 ขีดครึ่ง

วิธีทำ แกงเลียง

  1. โขลกเครื่องแกงให้ละเอียด ถ้าชอบให้น้ำแกงข้น ให้ใช้เนื้อปลา จะย่างหรือต้มสุกก็ได้แล้วนำมาโขลกรวมกับเครื่องแกง
  2. นำน้ำซุปหรือน้ำเปล่าตั้งไฟพอเดือด ใส่เครื่องแกงลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลา ชิมให้ได้รสเค็มและเผ็ดนิดๆ พอน้ำแกงเดือดอีกที ใส่ผักชนิดที่สุกยากลงก่อน คือ ฟักทอง ข้าวโพดอ่อน ตามด้วยกุ้ง รอจนแน่ใจว่าผักสุกดีแล้ว จึงใส่ใบตำลึง
  3. และสุดท้ายใส่ใบแมงลักแล้วคนให้เข้ากัน

เคล็ดลับในการปรุง แกงเลียง

ตั้งน้ำให้เดือดใส่เครื่องแกงแล้วปรุงรสก่อน รอให้น้ำแกงเดือดอีกรอบจึงใส่ผัก

ข้าวจี่ สูตรแซ่บแบบไทย


แซ่บแบบไทย

ส่วนผสม ข้าวจี่

  1. ข้าวนึ่ง 500 กรัม
  2. กะทิ 1/2 ถ้วย
  3. ไข่ไก่ 2 ฟอง
  4. เกลือ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ ข้าวจี่

  1. ผสมกะทิและเกลือ คนให้เกลือละลาย ใส่ลงในชามข้าวเหนียว นวดให้เข้ากัน
    ปั้นข้าวเหนียว แล้วเสียบไม้ตรงกลาง
  2. นำไปย่างไฟอ่อนๆ ให้เกรียมเล็กน้อย
  3. ตีไข่ไก่ให้เข้ากัน นำข้าวจี่ชุปไข่
  4. นำไปย่างไฟอ่อนๆ อีกครั้ง ให้เกรียมเล็กน้อย

วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สะเดา-น้ำปลาหวาน-ปลาดุกย่าง

แซ่บแบบไทย


สะเดาเป็นผักพื้นบ้านที่มีรสขม ซึ่งคนไทยนิยมรับประทานเป็นผักตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น คนไทยชอบรับประทานดอกสะเดาในช่วงต้นของฤดูหนาว เนื่องจากเชื่อว่า การกินสะเดาก่อนที่จะเป็นไข้ป้องกันได้ แต่ถ้ากินเมื่อเป็นแล้ว สามารถรักษาให้หายได้ (แต่ต้องเป็นไข้ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของ อุตุสมุฎฐานที่ร่างกายปรับไม่ทัน) จะทำให้มีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว น้ำมูกใส คนโบราณเรียกว่า ?ไข้หัวลม ?การรับประทานสะเดานั้นคนภาคกลางนิยมรับประทานกับน้ำปลาหวานและปลาดุกย่าง เนื่องจากรสหวานของน้ำปลาหวานจะช่วยกลบรสขมของสะเดาได้ จึงทำให้รู้สึกรสชาติกลมกล่อม(อร่อย) เจริญอาหารยิ่งขึ้น
เครื่องปรุง
  • น้ำตาลปีบ  2 ถ้วย (200 กรัม)
  • น้ำมะขามเปียกข้น ๆ  1 ถ้วย (80 กรัม)
  • น้ำปลา  1 ถ้วย (80 กรัม)
  • หอมแดงเจียว  1/2 ถ้วย (50 กรัม)
  • กระเทียมเจียว  1/2 ถ้วย (50 กรัม)
  • พริกขี้หนูแห้งหั่นบางๆทอดกรอบ   1/2 ถ้วย (50 กรัม)
  • ดอกสะเดาอ่อน   5-10 กำ (500 กรัม)
  • ปลาดุกอุย  2ตัว (500 กรัม)
  • น้ำมันพืชสำหรับทา1-2 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม)

วิธีทำน้ำเครื่องปรุงน้ำปลาหวาน
1. ล้างสะเดาให้สะอาด อย่าให้ช้ำ ต้มน้ำให้เดือดเทใส่ภาชนะที่ใส่สะเดาไว้ให้ท่วม ปิดฝา
2. ผสมน้ำตาล น้ำมะขาม น้ำปลา เข้าด้วยกัน ตั้งไฟกลางค่อนข้างเคี่ยวจนเหนียวพอเคลือบพายติด ยกลง
3. ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยหอมแดง กระเทียม พริกเสิร์ฟพร้อมสะเดา และปลาดุกย่าง
เครื่องปรุงปลาดุกย่าง1. ล้างปลาให้สะอาด ผ่าท้อง ควักไส้ออก ล้างให้สะอาด บั้งปลาเฉียงๆ ทั้งสองด้าน
2. นำปลาขึ้นย่างบนตะแกรงที่ทาน้ำมันไว้แล้ว หรือจะทาที่ตัวปลาก็ได้ ย่างไฟกลาง จนสุกเหลืองทั้งสองด้าน


วิธีการลวกสะเดาให้นำดอกสะเดาลวกในน้ำเดือด หรืออาจใช้วิธีต้มลงในน้ำเดือดหรือน้ำข้าวร้อนๆ เพื่อลดความขมลงก็ได้ มรกรณีที่ดอกสะเดาออกมาก รับประทานไม่ทัน ชาวบ้านจะมีวิธีเก็บสะเดาไว้รับประทานนานๆ (การถนอมอาหาร) โดยการเก็บดอกสะเดามาลวก 1 ครั้ง แล้วนำไปตากแดดจนแห้งสนิท เก็บไว้ในที่สะอาดและโปร่ง เมื่อต้องการจะรับประทานก็นำดอกสะเดาแห้งมาลวกน้ำร้อนอีกครั้งหนึ่งก็จะได้สะเดาที่มีรสจืด (ไม่ขมหรือขมน้อย) ลักษณะเช่นเดียวกับสะเดาสดทุกประการ
สรรพคุณทางยา1. ดอกสะเดา รสขมจัด ช่วยเจริญอาหาร บำรุงธาตุ แก้ไข้หัวลม
2. น้ำมะขามเปียก รสเปรี้ยว แก้ไอ ขับเสมหะ เป็นยาระบายแก้ท้องผูก
3. หอมแดง รสเผ็ดร้อน แก้ไข้เพื่อเสมหะ บำรุงธาตุ แก้ไข้หวัด
4. กระเทียม รสเผ็ดร้อน ขับลมในลำไส้ แก้ไอ ขับเสมหะ ช่วยย่อยอาหาร แก้โรคทางผิวหนัง น้ำมันกระเทียมมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อรา แบคทีเรีย และไวรัส ลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมันในหลอดเลือด
5. พริกขี้หนูแห้ง รสเผ็ด ช่วยเจริญอาหาร ขับลม ช่วยย่อย
ประโยชน์ทางอาหารสะเดา-น้ำปลาหวาน-ปลาดุกย่าง นิยมใช้เป็นผักในช่วยฤดูหนาว โดยการนำมาลวกกับน้ำร้อน รับประทานกับน้ำปลาหวานและปลาดุกย่าง เพื่อช่วยบรรเทาความร้อนและเจริญอาหาร พร้อมๆ กับการป้องกันการเกิดไข้หัวลมในช่วงที่ธาตุน้ำกระทบธาตุไฟในต้นฤดูร้อน สะเดารสขมจึงบำรุงธาตุไฟและธาตุน้ำเป็นอย่างดี ปรับธาตุทั้งสองเป็นลำดับใครรู้สึกว่าธาตุใดแปรปวนก็แต่งรสให้สอดคล้องตามธาตุของตัวเอง บางครั้งมีปลาเผา ปลาดุดย่าง รับประทานร่วมด้วยก็ยิ่งเสริมธาตุดินมากยิ่งขึ้น
- See more at: http://www.samunpri.com/food/?p=50#sthash.0ovqlu7y.dpuf

หมูผัดกระปิ



เปลี่ยนค่าใช้จ่าย เป็น ธุรกิจสร้างรายได้ กับ 

Moomall





⛅🌎Moomall แพลตฟอร์ม ที่จะทำให้คุณมีรายได้แค่เพียงปลายนิ้วสัมผัส อยู่ที่บ้านก็เป็นเจ้าของธุรกิจได้
เพียงแค่มีโทรศัพท์มือถือ
⚡⚡ขยายธุรกิจโดยการ ชวนเพื่อนหรือญาติพี่น้องนำค่าใช่จ่ายที่ต้องใช้อยู่แล้ว มาใช้จ่ายผ่านแอพฯ moomallแค่นี้ท่านก็มีรายได้แล้ว1ช่องทางและยังมีอีก5ช่องทางในการ�
👍�สร้างรายได้สนใจรับข้อมูลเพิ่มเติมที่นี่เลยครับ

🌎ทดลองใช้แอพฯmoomall ที่นี่ครับ
เข้าแอพฯแล้วกรอกหมายเลขโทรศัพท ์กดรับ OTP
แล้วสมัคร pacer ก่อนใช้งานนะครับอย่าใส่รหัส
ผู้แนะนำนะครับ👇👇👇
รหัสเชิญ(ผู้แนะนำ) : ek00028

สนใจลงทะเบียนสมัครกับเรา ได้ที่นี่ครับ

🤑🤑🤑🤑
สามารถสร้างรายได้เเบบPassive income ให้กับคุณได้อีกด้วย
☑️ ไม่ต้องสต๊อกสินค้า ❗️
☑️ ไม่ต้องลงทุน เงินที่ใช้ซื้อของเราต้องใช้อยู่แล้วไม่ซื้อที่นี่เราก็ไปซื้อที่อื่นอยู่ดี แต่ซื้อที่นี่สร้างรายได้ ได้แน่นอน ❗️
☑️  สมัครแล้วมีลิ้งค์ให้คุณแชร์ขายสินค้าได้เลยในเฟซบุ๊ค
หรือไลน์ที่คุณใช้อยู่ขายได้มีค่าคอมมิชชั่นเข้าแอพฯเลย💸💸 คุณว่ามันดีกว่ามั้ย❓
☑️ สมัครครั้งเดียวเก็บเกี่ยวไปตลอดชีวิตไม่ต้องรักษายอด
☑️ และเป็นธุรกิจที่ทำแล้วเสร็จ หยุดแล้วมีรายได้แบบ Passive Income คุณสนใจไหม💰💰💰
 มีโค้ชคอยสอนงานมีกลุ่มให้เรียนรู้ดูแลกันจนคุณมีรายได้



🤑🤑🤑🤑⚡🤑🤑🤑🤑

ส่วนผสม
• หมูสามชั้น หั่นเป็นชิ้นพอคำ 200 กรัม
• พริกขี้หนูสวน โขลกแหลกพอหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
• กระเทียม โขลกแหลกพอหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
• กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
• น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
• ใบมะกรูดฉีก 4 ใบ
• พริกชี้ฟ้า หั่นเฉียง 2 เม็ด
• หอมหัวใหญ่ หั่นเส้น 1ลูก
• น้ำเปล่า
วิธีทำหมูผัดกะปิ
1. อันดับแรกให้ใส่ น้ำมันพืช ลงกระทะ ตั้งไฟร้อนปานกลาง เมื่อน้ำมันร้อนก็ใส่ กระเทียม และ พริกขี้หนู ลงไปผัดให้หอมครับ
2. จากนั้นใส่ เนื้อหมู สามชั้น ลงไปผัดให้สุดพอปานกลาง ใส่กะปิ ลงไปผัดให้เข้ากันกับเนื้อหมู
3. เติมน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อยพอให้ผัดมีน้ำขลุกขลิก
4. ปรุงรสด้วย น้ำมันหอย และ น้ำตาลทราย
5. ใส่ ใบมะกรูดที่ฉีกแล้ว พริกชี้ฟ้าแดง และ หอมหัวใหญ่ ลงไปผัดจนกระทั่งหอมหัวใหญ่เริ่มใส ปิดไฟ
6. ตักใส่จานพร้อมรับประทานครับ

วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ผัดเผ็ดกบหน่อไม้ดอง

ผัดเผ็ดกบหน่อไม้ดองแซ่บแบบไทย

เครื่องปรุง หน่อไม้เส้นดอง 1 ถ้วย (227 ml) เนื้อกบสับ 100 กรัม กระเทียมกลีบใหญ่ 5 กลีบ พริกสด 3 เม็ด ใบมะกรูด 7-8 ใบ ซีอิ้วขาว หรือน้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ ซอสปรุงรส 2 ช้อนชา น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ เปิดเตาที่ไฟแรง นำน้ำเปล่าใส่หม้อประมาณ 3 ถ้วย รอจนน้ำเดือด นำหน่อไม้เส้นดองลงไปต้มประมาณ 15 นาที สะเด็ดน้ำ และพักไว้ ปลอกเปลือกกระเทียม และเด็ดขั้วพริก นำไปล้างน้ำให้สะอาด นำกระเทียมและพริกมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เวลาโขลกจะได้ง่ายๆ  นำไปโขลกให้แหลกพอประมาณ นำใบมะกรูดมาล้างให้สะอาด ฉีกเส้นกลางของใบมะกรูดออก เปิดเตาที่ไฟปานกลาง ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไป พอน้ำมันเริ่มร้อน ให้นำพริกกับกระเทียมที่โขลกไว้ลงไปผัดให้หอม ระวังอย่าให้น้ำมันร้อนเกินไป หรือผัดนานเกินไปจนไหม้  ใส่เนื้อกบสับลงไป ผัดจนหมูเริ่มสุก เติมเครื่องปรุงต่างๆ คือ ซีอิ้วขาว หรือน้ำปลา ซอสปรุงรส และน้ำตาลทรายลงไป ผัดเนื้อกบสับและเครื่องปรุงต่างๆ ให้เข้ากัน ใส่หน่อไม้เส้นดองและน้ำมันหอยลงไป ผัดให้เข้ากันต่อไปประมาณ 2-3 นาที ใส่ใบมะกรูดฉีกลงไป ผัดให้เข้ากัน ปิดเตายกลงได้ ตักใส่จานเสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆ

วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2556

น้ำยาป่าไก่ย่าง

น้ำยาป่าไก่ย่างแซ่บแบบไทย


















เครื่องปรุง

◊ พริกแห้ง
◊ กระเทียม
◊ หอมแดง
◊ กระชาย
◊ ตะไคร้
◊ เนื้อไก่ย่าง 
◊ น้ำปลาร้า 
◊ ต้นหอม
◊ ผักชีลาว
◊ ใบมะกรูด
















วิธีทำ

เริ่มจากเอาหม้อใส่่น้ำพอประมาณตั้งไฟต้มใส่น้ำปลาร้า
พริกแห้ง  กระเทียม  หอมแดง  กระชาย  ตะไคร้  ต้มให้เดือด
ระหว่างรอเครื่องที่ต้มสุก ก็ฉีกไก่ย่างเอาแต่เนื้อมาปั่นไม่ต้อง
ละเอียดมากใส่ชามรอใว้  ตักพริกแยกใว้ก่อน แล้วเอากระเทียม
หอมแดง  กระชาย ตะไคร้มาปั่นแล้วใส่ในหม้อต้มเดิมใช้ไฟ
ปานกลาง  แล้วปั่นพริกละลายลงในหม้อใส่ไก่ย่างที่ปั่นใว้ลง
ไปรอให้เดือดแล้วปรุสตามชอบ แล้วใส่ต้นหอมหั่น ผักชีลาว
หั่น  ใบมะกรูดฉีกใส่ลงไปคนสักหน่อยแล้วปิดไฟเป็นอันเสร็จ
ตักราดขนมจีนเสิร์ฟพร้อมผักต่างๆ

วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2556

แกงเผ็ดป่าเนื้อหน่อไม้

แกงเผ็ดป่าเนื้อหน่อไม้แซ่บแบบไทย









เครื่องปรุง

เนื้อสด
หน่อไม้ หั่นฝอย
น้ำมันหมู,น้ำมันพืช
พริกแกงเผ็ด
ใบมะกรูด
ใบกระเพรา
พริกชี้ฟ้าสด
กระชาย
น้ำตาลปีบ
น้ำปลา
5
12
1
1.5
0.1
0.5
0.5
0.5
0.5
1
กิโลกรัม
กิโลกรัม
กิโลกรัม
กิโลกรัม
กิโลกรัม
กิโลกรัม
กิโลกรัม
กิโลกรัม
กิโลกรัม
ลิตร

วิธีเตรียม

1. เนื้อล้างน้ำหั่นเป็นชิ้นๆ
2. หน่อไม้หั่นฝอย นำไปต้มให้หายขื่น แล้วตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ
3. ใบมะกรูดล้างน้ำ เอาก้านออก แล้วฉีกเป็นชิ้นๆ ใบกระเพราล้างน้ำเด็ดเป็นใบๆ
4. พริกชี้ฟ้าสด ล้างน้ำเด็ดขั้วออก หั่นแฉลบบางๆ กระชายล้างน้ำ แล้วหั่นฝอย

วิธีทำ
1. นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันพอร้อน ตักน้ำพริกลงผัดให้หอม ใส่เนื้อลงผัด คนให้เข้ากันพอสุก
2. ตักเนื้อที่ผัดกับน้ำพริกใส่หม้อ เติมน้ำตามต้องการ พอเดือดปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล
3. ใส่หน่อไม้หั่นฝอย ลงในหม้อแกง ใส่กระชาย พริกชี้ฟ้าสด คนให้ทั่วพอเดือดยกลง ใส่ใบมะกรูด ใบกระเพรา คนให้เข้ากัน

วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ผัดฉ่าปลากระพง


ผัดฉ่าปลากระพงแซ่ยแบบไทยแซ่บแบบไทย

















ส่วนผสมและเครื่องปรุง

ปลากะพงแล่เนื้อหั่นชิ้นบางๆ 300 กรัม
กระเทียมสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูโขลกละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ
กระชายหั่นฝอย ½ ถ้วยตวง
พริกไทยอ่อน ¼ ถ้วยตวง
ใบมะกรูดฉีกก้านกลางออก 5 ใบ
พริกชี้ฟ้าสีแดง เขียวหั่นแฉลบ 6 เม็ด
น้ำปลาดี ¼ ถ้วยตวงใบโหระพา ½ ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น 2 ช้อนชา
น้ำมันพืชสำหรับผัด
½ ถ้วยตวง
น้ำซุป ½ ถ้วยตวง


วิธีทำ


1.ใส่นำมัน ใส่กระทะตั้งไฟพอร้อน ใส่กระเทียมและ
พริกขี้หนูผัดจน หอม ใส่ปลากะพงผัดพอสุก 
ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย น้ำมันหอย ซอสปรุงรส 
พริกไทยป่น น้ำซุป ผัดให้เข้ากัน
2.ชิมรส เมื่อรสดีแล้วจึงใส่กระชาย พริกชี้ฟ้า ใบมะกรูด 
พริกไทยอ่อน ผัดพอสุก ใส่ใบโหระพาผัดให้เข้ากัน 
ยกลง จัดใส่จานพร้อม เสริ์ฟ

ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน

ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อนแซ่บแบบไทย




















เครื่องปรุง                     
ปลาเนื้ออ่อน
1/2
กก.
มะพร้าว
1/2
กก.
พริกแห้ง
        5 – 7
เม็ด
ข่า (หั่นฝอย)
1/2
ช้อนชา
ตะไคร้ (หั่นฝอย)
1
ช้อนโต๊ะ
หัวหอม
        3 – 4
หัว
กระเทียม
      7 – 10
กลีบ
ผิวมะกรูด (หั่นฝอย)
1
ช้อนชา
รากผักชี
        1 – 2
ช้อนชา
เกลือ
1
ช้อนชา
กะปิ
1/2
ช้อนชา
ใบมะกรูด(หั่นฝอย)
        3 – 4
ใบ
ผักชี
1
ต้ม
น้ำปลา (ประมาณ)
 
 
น้ำตาล                
 
 
วิธีทำ  ปลาเนื้ออ่อน   ขูดเอาเมือกออก   ตัดหัว   ผ่าท้อง   
เอาไส้ออกทิ้งให้หมด   ตัดออกเป็นท่อน  ๆ  แล้วล้างปลา
ให้สะอาดใส่ตะแกรงไว้ให้สะเด็ดน้ำ
  พริกแห้งแกะเม็ดออกแล้วแช่น้ำให้นิ่มบีบขึ้นใส่ครกตำ
ไปพร้อมกับเกลือให้ละเอียด   แล้วใส่  ข่า   ตะไคร้   ผิวมะกรูด   
รากผักชี   หอม   กระเทียม   กะปิ   โขลกต่อไปจนเครื่องแกงละเอียดดี
  คั้นกะทิให้ข้น  ๆ  ตั้งไฟเคี่ยวจนแตกมัน   ช้อนมันกะทิใส่กระทะ
ผัดน้ำพริกให้หอม   เอาปลาที่ทำสะอาดแล้วใส่ลงผัดไปด้วย   
เติมน้ำปลา   น้ำตาล   เมื่อปลาสุกแล้วจึกตักใส่หม้อกะทิ   
ตั้งไฟต่อไปจนปลาสุกเข้ากันดีแล้วยกลงโรยด้วย   
ใบมะกรูดหั่นฝอย   และ   ผักชีเด็ดเป็นช่อ  ๆ
 

วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556

จิ้งหรีดไข่ทอด

จิ้งหรีดไข่ทอดแซ่บแบบไทย



ส่วนประกอบในการทอด
-จิ้งหรีด
-น้ำมัน
-ใบเตย .โหรพา
-กระทะ
-เตาเกส หรือใช้แบบ ปิ๊กนิก ก็ได้ กรณีทอดกินเอง
-ตะลิ๋ว ตะแกรง ใช้ตัก
-ที่พักน้ำมัน จะเป็น หม้อ หรือภาชนะที่สามารถใช้รองได้
-กระดาษซับมัน



ขั้นตอนการทอดจิ้งหรีดไข่
ในการทอดจิ้งหรีดให้อร่อยนั้น  

-ขั้นแรก ตั้งน้ำมันให้เดือด รอให้มีไอน้ำมันขึ้น
-ใส่จิ้งหรีดลงกระทะ ถ้าชอบกรอบให้ทอดประมาณ 2-3 นาที 
   ซึ่งจะมีกลิ่นหอมโชยไปทั่วเป็นการเรียกลูกค้าอย่างหนึ่ง
-ใส่ใบเตยที่หั่นแล้วใส่ลงไปซึ่งจะเป็นตัวเสริมกลิ่นให้หอมน่ากิน 

   หรือใช้สมุนไพรตัวอื่นก็ได้แล้วแต่ชอบ

วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556

น้ำพริกเผากากหมู

ดูเว็บนี้ พิมพ์ "แซ่บแบบไทย"




น้ำพริกเผากากหมูแซ่บแบบไทย



ต้มยำพุงปลาช่อน

ดูเมนูและวิธีทำอาหารไทย พิมพ์ แซ่บแบบไทย
ต้มยำพุงปลาช่อน

มาทำต้มพุงปลาช่อนแซ่บแบบไทยกันครับปริมาณส่วนผสมตาม
ความเหมาะสม  เริ่มกันเลย

ส่วนผสม
- พุงปลา   2    พุง
- ข่า
- ตะไคร้
-ใบมะกรูด
- มะเขือเทศผ่าครึ่ง
-ต้นหอม-ผักชีหั่น
- น้ำมะขามเปียก
- พริกชี้ฟ้าแดง-เขียว ทุบพอแตก
- ใบกะเพรา

















วิธีปรุง

ต้มน้ำใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดให้น้ำเดือดจึงใส่พุงปลา ที่หั่นแล้วลงในหม้อ
ปิดฝาหม้อห้ามคนครับ ประมาณว่าปลาสุกจึงใส่น้ำมะขามเปียกปรุงรสด้วย
ชูรส น้ำปลา ตามชอบตามด้วยมะเขือเทศ พริกชี้ฟ้าที่ทุบไว้ ใบกะเพราปิด
ฝาให้เดือดสักครู่แล้วปิดไฟโรยด้วยต้นหอม-ผักชีที่หั่นไว้เป็นอันเสร็จครับ
ทีนี้ก็เสริฟได้เลย ถ้าชอบเปรี้ยวก็บีบมะนาวเพิ่มก็ได้ครับแล้วเจอกันเมนูต่อไป

วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556

แกงคั่วตะพาบน้ำ



 แกงคั่วตะพาบน้ำแซ่บแบบไทย



เครื่องปรุง
เนื้อและเชิงตะพาบน้ำ  1/2  กก.
พริกแห้ง       7 – 9  เม็ด
หัวหอม        5 – 6  หัว
หัวกระเทียม  7 – 10  กลีบ
ข่า               5    แว่น
ตะไคร้         2 – 3    ต้น
พริกไทย   10  เม็ด
รากผักชี   5  ราก
ลูกผักชี    1   ช้อนชา
ยี่หร่า       1   ช้อนชา
เกลือ        1   ช้อนชา
ผลมะอึก   4 – 5   ผล
ผลระกำ    3 – 4   ผล
ใบมะกรูด  4 – 5   ใบ
พริกอ่อน   3 – 4   เม็ด
น้ำส้มมะขามเปียก (พอประมาณ)
น้ำปลาดี
น้ำตาลปีบ
มะพร้าว    1/2   กก.


วิธีทำ
เนื้อและเชิงตะพาบน้ำล้างให้สะอาด หั่น (ให้เนื้อติดมัน) ออกเป็นชิ้น ๆ โตพอประมาณ ใส่ภาชนะไว้ พริกแห้ง ฉีกแกะเม็ดออกแช่น้ำไว้ ปอก หอม กระเทียม หั่น ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด รากผักชี ยี่หร่า คั่วเสียให้หอม รวมเครื่องทั้งหมดใส่ครกโขลกให้ละเอียด
มะอึกขูดขนออกให้หมดแล้วผ่าออกเป็นสี่เสี้ยว ระกำปอกเปลือกฝานเอาแต่เนื้อ (ถ้าไม่มีมะอึก หรือ ระกำ จะใช้ผลมะดันอ่อน หรือ ตะลิงปลิง ก็ได้) เด็ดใบมะกรูด หั่นฝอยและฉีกออกเป็น 4 ส่วน พริกอ่อนหั่นแฉลบ ๆ ผสมละลายน้ำส้มมะขาม น้ำตาลปีบ น้ำปลา ใส่ชามเล็กเตรียมไว้
มะพร้าวคั้วให้ข้น ๆ และแบ่งหางกะทิไว้ต่างหากเพื่อเติมน้ำแกง เมื่อคั้นกะทิเสร็จแล้ว เอาหัวกะทิใส่กระทะตั้งไปเคี่ยวไปจนแตกมัน จึงตักน้ำพริกลงผัดให้หอม แล้วเอาเนื้อตะพาบทั้งหมดที่หั่นรวมไว้ใส่ผัดให้เข้ากับน้ำพริกใส่น้ำปลา น้ำตาลปีบ เล็กน้อย เมื่อผัดได้ที่แล้วจึงตักใส่ลงหม้อแกง ตั้งไฟเอาหางกะทิล้างครกและกระทะใส่ลงไปในหื้อคะเนดูไม่ให้น้ำแกงใสนัก พอน้ำแกงเดือดดีแล้วเอาพริกอ่อน มะอึก ระกำ ใบมะกรูด น้ำตาล น้ำส้ม
มะขามเปียกที่เตรียมไว้ใส่ลงไปคนให้เข้ากัน ชิมรสให้ได้ เค็ม หวาน และเปรี้ยว ตามลำดับ เสร็จแล้วตักใส่ชามแกง โรยผักชี ตั้งโต๊ะรับประทาน

หลนปูเค็ม



หลนปูเค็ม


เมนูนี้น่ะอยากลองทำมาตั้งนานแล้วล่ะ แต่ไม่มีโอกาส 
เคยแต่สั่งเขากิน คิดว่าเราน่าจะทำได้ ตามประสาคน
ชอบลอง แต่คนที่กินก็บอกว่าอร่อยน๊า อิๆมาแซ่บแบบไทยกันเลย



เครื่องปรุง

ปูเค็ม (ปูนาหรือปูแสมก้แล้วแต่ชอบ พอดีไปได้ปูแสมมา) 1 ขีด 
แกะกระดองออก ล้างทำความสะอาด ตัดปลายขาที่แหลมๆทิ้ง

หมูบด 1 ขีด

กะทิ 1 กล่องเล็ก

หอมแดงซอย 3-4 หัว พริกเหลืองแดงหั่น 3 เม็ด

น้ำมะขามเปียก 3-4 ชต น้ำตาลปิ๊บ 1 ชต

เกลือ 1/2-1 ชช 

ผงปรุงรสคนอร์ 1/2 ชช



วิธีปรุง


ตั้งกะทิให้เดือด ใส่หมูสับลงไปคนอย่าให้เป็นก้อน 
พอเดือดอีกทีใส่ปูเค็มลงไป รอจนดูว่าปูสุก จะสีแดงๆ 
ก็ปรุงรส เกลืออย่าเพิ่งใส่เยอะ เพราะปูจะเค็มอยู่แล้ว 
ชิมรสออก3รส แล้วใส่หอมแดงและพริก พอสุกปิดไฟ
เสร็จแล้วทานกับผักสดตามชอบเลยครับ

วันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ก้อยไข่มดแดง

ก้อยไข่มดแดงแซ่บแบบไทย


เครื่องปรุงและวัตถุดิบ

1 ไข่มดแดง 1 ถ้วย
2 น้ำปลา
3 มะนาว
4 หอมแดง
5 พริกป่น
6 ข้าวคั่ว
7 ต้นหอม
8 สะระแหน่
9 ชูรส
ขั้นตอนการทำ

ล้างไข่มดแดงพักใส่ตะแกรง
ทำน้ำยำก่อนใส่ชามมีวิธีดังนี้
1 น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
2 น้ำมะนาวครึ่งช้อนโต๊ะ
3 พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
4 ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
5 ชูรส 1 ช้อนชา
6 หอมแดง ต้นหอม ซอย
7 แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วใส่ไข่มดแดงคลุกเคล้าอีกเล็กน้อย
8 ตักใส่จาน โรยสะระแหน่ พร้อมเสริฟ  ขอให้แซ่บหลายๆครับแจอกันเมนูต่อไป

ขนมจีนน้ำยากระทิปลาช่อน


ขนมจีนน้ำยากระทิปลาช่อน











ส่วนผสมอาหาร ขนมจีนน้ำยากะทิปลาช่อน
ปลาช่อนนา  1 ตัว  (ถ้าเป็นปลาเลี้ยงตามธรรมชาติได้จะดีมาก)
 กระชาย  1/2  กิโลกรัม
ตะไคร้ซอย   2 ช้อนโต๊ะ
ข่าแก่  2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียม  1 ช้อนโต๊ะ
หอม  3 หัว
พริกแห้ง  3 ช้อนโต๊ะ
ปลาเค็ม (ปลากุเลา) เล็กน้อย
เกลือ 4 ช้อนโต๊ะ
กะทิประมาณ 3 ลิตร
วิธีทำอาหาร ขนมจีนน้ำยากะทิปลาช่อน
1. กระชายใช้ทั้งหัวและหางส่วนหัวจะปอกเปลือกออกหางกระชายแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งนำมาปั่นให้ละเอียด พักไว้ อีกส่วนรวมกับหัวกระชาย นำมาต้มในน้ำรวมกับเครื่องปรุงอื่นๆ มีหอม พริกแห้ง ตะไคร้ กระเทียม ข่า ปลาเค็มและเกลือ
2. พอน้ำเดือดพล่าน หย่อนปลาลงต้มต่อจนสุก (ห้ามคน) แล้วช้อนปลาและเครื่องปรุงอื่นๆ ขึ้น น้ำที่ได้จากการต้มครั้งนี้ให้พักไว้ (ห้ามทิ้ง)
3. ปลาทิ้งไว้ให้เย็น นำมาแกะเนื้อ และปั่นในเครื่องปั่นจนฟู เทผสมกับกระชายสดที่ปั่นแล้วให้พักไว้ ส่วนหัวและก้างปลานำมาโขลกให้แหลกในครก นำเครื่องปรุงที่ต้มแล้วทั้งหมดมาปั่นให้ละเอียด คลุกรวมกับหัวปลาที่โขลกเอาไว้ แล้วตักน้ำต้มเครื่องปรุง เทผสมพอประมาณ คนให้เข้ากัน แล้วนำมากรองผ่านกระชอนที่ซ้อนกัน 2 ชั้น ระหว่างกรองคนไปเรื่อยๆ ผสมน้ำต้มเครื่องปรุงเพื่อกรอง 2 ครั้ง กรองครั้งแรก จะแยกไปปรุงน้ำยากะทิปครั้งหลังใช้ปรุงน้ำยาป่า กากที่เหลือจากการกรองเททิ้งหมด
4. นำน้ำที่กรองได้เทรวมกับน้ำต้มเครื่องปรุง (ที่ต้มไว้ในขั้นตอนแรก ) ใส่เนื้อปลาปั่นผสมกระชายปั่น ใส่กะทิถ้าเป็นน้ำยากะทิ (กะทิใส่แต่พอควร)  ใช้ไฟแรง พอเดือดพล่าน เห็นเนื้อปลาขึ้นเป็นเส้นๆ หรี่ไฟอ่อน เคี่ยวต่ออีกสักครึ่งชั่วโมง
5. จัดเส้นขนมจีนใส่จานราดด้วยน้ำยาที่ทำไว้ รับประทานกับผักเช่น ถั่วงอก ผักกาดดอง ถั่วฝักยาว ผักกระเฉด พริกป่น ไข่ต้ม ฯลฯ

วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2556

แกงขี้เหล็กใส่หนังวัว(อีสาน)

แกงขี้เหล็กใส่หนังวัว(อีสาน)แซ่บแบบไทย









ส่วนผสม
ผักขี้เหล็ก 
หนังวัวย่างหั่นชิ้นละคำ 
ใบยานาง  
ใบแมงลัก (ผักอีตู่ลาว)
ยอดผักชะอม(ผักขะ)
หอมแดง 
ตะไคร้ 
พริกสด 
น้ำปลาร้า  
ข้าวสารแช่น้ำ 

วิธีทำ
นำผักขี้เหล็ก ไปต้มให้จืดตอนต้มใส่เกลือลงไปด้วย
จะได้ทำให้จืดเร็วขึ้น จากนั้นเอาน้ำออก นำใบยานางมาคั้น
 คั้นได้ข้นเท่าไหร่ยิ่งดี จากนั้นกรองเอาแต่น้ำ หรือจะใช้
น้ำยานางกระป๋องก็ได้  จากนั้น นำข้าวสารที่แซ่น้ำแล้ว 
พริก ตะไคร้ซอย หอมแดงซอย ไปตำรวมกัน 
หอมแดง และตะไคร้ ทุบ ๆ เอาก็ได้ แล้วแต่ชอบ 
เมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยก็ลงมือทำได้เลย 
ขั้นตอนแรก เทน้ำยานางที่เราเตรียมไว้ใส่หม้อ 
แล้วใสผักขี้เหล็กที่เราต้มจืดแล้ว ข้าวเบือ พริก ที่เราตำไว้
หนังวัวย่างหั่น แล้วก็คนให้ข้าวเบือแตก ๆ จึงยกขึ้นตั้งไฟ 
จากนั้นปรุงรสด้วย น้ำปลาร้า น้ำปลา ตามชอบ 
เมื่อรสชาติได้ที่แล้วก็ใส่ ใบแมงลัก ยอดผักชะอม 
ที่เราเตรียมไว้ลงไปในหม้อพอผักเริ่มสุกแล้วก็เติมผงชูรส
ลงไปแล้วก็ยกลงตกใส่ถ้วยทานกับข้าวเหนียว ร้อน ๆ
หรือข้าวสวยก็ได้ใว้เจอกันใหม่ครับ ขอให้มีความสุข
กับการทำกับข้าวทานเองนะครับ