วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

หมูสะเต๊ะ

แซ่บแบบไทย
สูตรอาหารไทย หมูสะเต๊ะ (Pork Satay) เป็นเมนูอาหารภาคใต้ ที่ได้รับความนิยมไปทั่วทุกภาค ด้วยเป็นอาหารที่ทานง่าย มีความหอมอร่อยเป็นเอกลักษณ์เฉพาะด้วยเครื่องเทศมากมาย ทว่าถ้าจะให้หมูสะเต๊ะอร่อยครบสูตร นอกจากการหมักเนื้อให้หอมนุ่มอร่อยแล้ว ก็ต้องทานเคียงกับอาจาดแก้เลี่ยน พร้อมกับน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะเข้มข้นรสเด็ดก็ช่วยเพิ่มอรรถรสความอร่อยกลมกลมของหมูสะเต๊ะได้อย่างลงตัวสุดๆ สำหรับใครที่ชอบทานหมูสะเต๊ะห้ามพลาด วันนี้เราได้นำสูตรวิธีทำหมูสะเต๊ะเด็ดๆ มาฝาก เหมาะมากที่จะทำทานในวันหยุดหรืองานสังสรรค์หรือนึกหิวก็มาทำทานได้เลย (^_^)...อีกเมนูที่ทำไม่ยากครับ...แต่อาจจะต้องเตรียมวัตถุดิบเครื่องปรุงหลายอย่างอยู่บ้าง…ถ้ายังไงเราไปดูพร้อมกันเลย


สำหรับการทำหมูสะเต๊ะให้อร่อยเด็ดครบสูตร ในส่วนขั้นตอนการทำนั้น เราอาจต้องการความพิถีพิถันอยู่บ้าง ตั้งแต่การเลือกหมูอย่างไร การหมักหมู ซึ่งเป็นส่วนสำคัญมากเพราะส่งผลต่อรสชาติ และความแข็งนุ่มนิ่มของเนื้อหมู รวมถึงเทคนิคการหมักทิ้งข้ามคืนในอุณหภูมิที่ต้องจำกัดอยู่ในความเย็น รวมทั้งขั้นตอนการนำหมูเสียบไม้ จะต้องมีการเสียบหมูอย่างไรให้หมูที่ย่างออกมาดูน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น ส่วนการย่างหมูก็มีส่วนสำคัญ ต้องย่างในไฟขนาดไหนถึงจะกำลังสุกน่าทาน ตลอดจนขั้นตอนการทำน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะเด็ดๆ ที่เราก็ได้รวบรวมคำแนะนำเหล่านี้มาไว้ที่นี่แล้ว…

วิธีทำหมูสะเต๊ะ
เครื่องปรุงและส่วนผสมหมูสะเต๊ะ
  1. เนื้อหมูนำมาแล่เป็นชิ้น (ขนาดประมาณ ขนาด 2 x 6 ซม.) 500 กรัม 
  2. (แนะนำให้ใช้เป็นหมูสันนอกหรือเนื้อหมูส่วนสะโพก…หากเป็นเนื้อหมูรุ่นจะดีมาก เพราะเนื้อหมูจะนุ่ม)
  3. ลูกผักชีคั่วให้หอม 1 ½ ช้อนโต๊ะ (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ครับ…ถ้าใส่จะหอมดี)
  4. ลูกยี่หร่าคั่วให้หอม ½ ช้อนโต๊ะ
  5. ข่าสับพอหยาบๆ 1 ช้อนชา
  6. ตะไคร้ซอย 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  7. หัวกะทิ ½ ถ้วย
  8. ผงขมิ้น 1 ช้อนขา (ถ้ากลัวไม่เหลืองให้ใส่เพิ่มได้ แล้วแต่ชอบ)
  9. ผงกะหรี่ 1 ช้อนชา
  10. น้ำตาลทรายนวล 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  11. พริกไทดำป่น 1/2 ช้อนชา (ถ้าไม่มีใช้พริกไทขาวแทนก็ได้)
  12. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  13. ไม้เสียบหมูสะเต๊ะ
  14. ผงฟู ½ ช้อนชา หรือน้ำสัปปะรด 2 ช้อนโต๊ะ (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้…เพื่อให้เนื้อหมูนุ่มๆเด้งๆ)
เครื่องปรุงน้ำกระทิพรมหมูสะเต๊ะ
  1. หัวกะทิ 1 ถ้วย
  2. นมสด หรือนมสดตราคาร์เนชั่น/ตรานกเหยี่ยว 1 ถ้วย
วิธีทำ: นำหัวกระทิและนมสดมาผสมให้เข้ากัน ทำไว้สำหรับพรมสะเต๊ะขณะย่าง ที่ทำแปรงพรมด้วยใบเตยฉีก

วิธีทำหมูสะเต๊ะ
  1. โขลก ลูกผักชีคั่ว ลูกยี่หร่าคั่ว จนละเอียด จากนั้นใส่ข่า ตะไคร้ โขลกให้เข้ากันจนละเอียดดีแล้ว
  2. นำเครื่องที่โขลกใส่ลงไปในอ่างเนื้อหมู…(จากข้อ 1) จากนั้นก็ใส่น้ำตาล หัวกระทิ ผงขมิ้น ผงกะหรี่ พริกไทป่น ผงฟู เกลือป่น และน้ำตาลทราย คลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากันดี ด้วยการคลุกเคล้าขยำๆเบาๆ ควรนวดนานๆ เพื่อให้เครื่องหมักซึมเข้าเนื้อหมูได้ดียิ่งขึ้น
  3. จากนั้นนำหมูไปใส่กล่องพลาติก นำไปแช่ในตู้เย็นช่องแข็ง แล้วหมักทิ้งไว้ 3-4 ชั่วโมง หรือจะหมักข้ามคืนก็ได้ยิ่งดี (การแช่ใว้ในความเย็นนานๆ…จะทำให้น้ำหมักหมูดูดซึมเข้าไปในเนื้อมาก…จะทำให้เนื้อหมูนุ่มดีค่ะ)
  4. เมื่อครบ 3 ชั่วโมงแล้ว นำมาเสียบไม้พักไว้ในตู้เย็น จนกระทั่งจะปิ้ง หรือ ถ้ายังไม่ทานให้ห่อให้สนิทแล้วนำเข้าแช่ในช่องแข็ง แล้วจึงนำออกมาพักในตู้เย็นช่องธรรมดาจนอ่อนตัวลง…แล้วจึงค่อยนำไปปิ้ง
  5. วิธีย่างหมูสะเต๊ะ คือ ก่อนที่จะอย่างหมูสะเต๊ะ ให้นำหมูที่เสียบไม้แล้วนำมาชุบในน้ำพรมหมูสะเต๊ะที่เตรียมไว้ แล้วจึงนำไปอย่างด้วยไฟปานกลาง (ห้ามใช้ไฟอ่อน หมูจะแข็งไม่อร่อย) แล้วขณะที่ย่างให้พรมน้ำกระทิ(ที่เตรียมไว้) ลงบนหมูสะเต๊ะขณะปิ้งเล็กน้อย และหมั่นพลิกหมูบ่อยๆ ให้สุกทั่วกัน ควรย่างให้พอสุกจะได้สะเต๊ะหมูเนื้อนุ่มละมุน (ถ้าย่างนานเกินไปเนื้อจะแห้งหยาบไม่อร่อย) และควรย่างกับเตาถ่านหรือเตาบาบีคิวจะได้กลิ่นหอมอร่อยมากยิ่งขึ้น
  6. จัดหมูสะเต๊ะใส่จานเสิร์ฟ พร้อมกับน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะและอาจาด หรือจะทำขนมปังปิ้งร้อนๆ ด้วยก็ยิ่งอิ่มอร่อยมากขึ้น



แนะนำเพิ่มเติม
  • ควรใช้เวลาที่เครื่องหมักหมูอย่างต่ำต้อง 3-5 ชม. ถ้าหมักค้างคืนได้จะยิ่งดี
  • อีกเคล็ดลับของร้านหมูสะเต๊ะชื่อดังคือ การหมักหมูที่ต้องแช่ในถังน้ำแข็งที่ใช้เป็นนำแข็งป่นเท่านั้น ห้ามแช่ช่องฟรีซเด็ดขาด (ซึ่งน่าจะมีส่วนทำให้เนื้อหมูนุ่มยิ่งขึ้น และน้ำหมักดูดซึมเข้าไปในเนื้อหมูได้ดียิ่งขึ้น) …ยังไงถ้ามีโอกาสลองนำไปทำดูนะครับ
  • สูตรนี้นอกจากใช้ทำหมูสะเต๊ะแล้ว ยังสามารถประยุกต์ใช้ทำเนื้อสะเต๊ะ ไก่สะเต๊ะได้ด้วย
  • หมูสะเต๊ะเวลาเสียบไม้ ให้เสียบแบบงูเลื้อยจะดี เนื่องจากเวลาปิ้งออกมาจะดูน่าทาน
  • หมูต้องมีติดมันหน่อยก็จะดี เพราะไม่งั้นปิ้งออกมาจะดูไม่งาม
  • ก่อนที่จะนำไม้หมูสะเต๊ะมาใช้…ควรนำไปแช่น้ำอย่างน้อยซัก 30 นาที หรือแช่น้ำค้างคืนไว้ก่อนยิ่งดี เพื่อไม่ให้ไม้ไหม้หรือดำขณะย่าง และจะทำให้เสียบง่ายขึ้น

อาจาด (สูตรอร่อยเข้มข้นกำลังดี) 
สำหรับน้ำจิ้มอาจาดรสอร่อยกำลังดีนั้น รสชาติจะออกเปรี้ยวๆ ตัดด้วยรสหวานและเค็มนิดๆ พร้อมด้วยกลิ่นหอมๆ จากหอมแดง และสีสันจากผักและพริกที่ใส่ลงไป น้ำจิ้มใสๆข้นนิดๆ น่ากินนักเชียว แถมวิธีทำก็ไม่ยาก…สามารถอร่อยได้ง่ายๆกับสูตรดังนี้

เครื่องปรุงและส่วนประกอบ
- น้ำส้มสายชู ½ ถ้วย
- น้ำตาลทราย ¼ ถ้วย (+ 2 ช้อนโต๊ะ) (เพิ่มหรือลดได้นิดหน่อยขึ้นอยู่กับน้ำส้มสายชูที่ใช้)
- น้ำสะอาด ⅓ ถ้วย + 2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
- แตงกวาเลือกเอาลูกเล็ๆผ่าครึ่ง สไลด์บาง 100 กรัม
- ผักชีเด็ดเป็นใบ สำหรับโรยหน้าเล็กน้อย
- พริกชี้ฟ้าสีแดงหั่นแฉลบบางๆ 1 เม็ด
-พริกชี้ฟ้าสีแดงหั่นแฉลบบางๆ 1 เม็ด
- หอมแดงลอกเปลือก ซอยบางๆ 2 หัว

วิธีทำอาจาด
  1. ใส่น้ำ น้ำตาลทราย น้ำส้มสายชูลงในหม้อ แล้วตั้งไฟเคี่ยวให้น้ำตาลและเกลือละลาย
  2. จากนั้นชิมให้ได้สามรส เปรี้ยว เค็ม หวาน หรือเปรี้ยว หวาน เค็ม แล้วแต่ชอบ
  3. จากนั้นพักไว้ให้เย็นก่อน เวลาจะเสิร์ฟถึงค่อยใส่แตงกวา หอมแดง พริกชี้ฟ้า และผักชี ลงในถ้วย…แล้วตักน้ำที่เคี่ยวไว้ลงไปผสม แล้วน้ำอาจาดเสิร์ฟพร้อมกับสะเต๊ะ และน้ำจิ้มสะเต๊ะ
แนะนำเพิ่มเติม
  • ถ้าจะให้ดีควรจะแยกผักกับน้ำจิ้มอาจาดไว้นะ ถึงเวลาเสิร์ฟแล้วค่อยตักรวมกัน ป้องกันผักเฉาและรักษาความกรอบ จะได้แตงที่กรอบอร่อยกว่า
สำหรับสูตรวิธีทำน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ รสเด็ดๆ อย่างละเอียดสามารถดูได้ที่: 
หลากหลายสูตรน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ เข้มข้นถูกใจ
สูตรนำจิ้มหมูสะเต๊ะก็ต้องอร่อยเข้มข้นถูกใจด้วย ถึงจะเป็นการกินหมูสะเต๊ะให้อร่อยครบสูตร สำหรับน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะที่อร่อยจะต้องออก 3 รส หวาน เค็ม เปรี้ยว ตัดด้วยความมันของถั่วลิสง และเผ็ดเล็กน้อยในน้ำจิ้ม ที่จะได้รสชาติอร่อยทานคู่กับหมูสะเต๊ะได้อย่างลงตัว สำหรับวันนี้เราก็มีหลากหลายสูตรน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะรสเด็ดๆมาฝาก ที่ทำได้ง่ายๆ ด้วยสูตรน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะรสเด็ดเข้มข้นดังนี้


น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะสูตรที่ 1
เครื่องปรุงและส่วนผสมน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ
  1. พริกแกงเผ็ด 3 ช้อนโต๊ะ (ซื้อที่ตลาดเลยก็ได้ หรือจะทำเองก็ได้ที่: วิธีทำพริกแกงเผ็ด)
  2. ถั่วลิสงคั่วป่น ½ ถ้วย (ถ้าจะให้ดีต้องคั่วถั่วลิสงเองแล้วบดให้ละเอียด เพราะจะได้ถั่วลิสดใหม่ ไม่เหม็นหืน)
  3. กะทิ 2 ถ้วย
  4. น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
  6. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  7. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ (เข้มข้น) สูตรที่ 2
เครื่องปรุงและส่วนผสมน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ
  1. กะทิ 300 มล.
  2. ถั่วลิสงคั่วป่นละเอียด 200 ก. (ใส่เพิ่มหรือลดได้ ปริมาณตามชอบ)
  3. พริกแกงเผ็ด 1 ช้อนโต๊ะ
  4. พริกแกงมัสมั่น 1 ช้อนโต๊ะ (สามารถซื้อพริกแกงทั้งสองได้ที่ตลาด…ถ้าไม่มีก็ใช้พริกแกงเผ็ดอย่างเดียว 2 ช้อนโต๊ะ ก็ได้)
  5. น้ำตาลปี๊บประมาณ 1/2 ถ้วย
  6. น้ำมะขามเปียกประมาณ 1/2 ถ้วย 
  7. เกลือ ½ ช้อนชา
  8. น้ำปลา
  9. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
  10. ผงกระหรี่ 100-200 กรัม (ตามชอบจะลดหรือเพิ่มหรือไม่ใส่ก็ได้…คือถ้าใส่จะได้กลิ่นหอมเครื่องเทศ)
วิธีทำน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ
  1. นำน้ำมันพืชและพวกพริกแกงเอามาผัดรวมกัน โดยตั้งไฟอ่อนถึงปานกลาง 
  2. ค่อยๆ ใส่กะทิลงไปตามด้วยถั่วลิสงคั่วป่น แล้วคนให้เข้ากัน เคี่ยวด้วยไฟกลางรอจนเดือด (จนแตกมันลอยขึ้น)
  3. จากนั้นปรุงรสด้วย น้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก และเกลือป่น (เครื่องปรุงแบบนี้ ให้ค่อยๆใส่นะคะ ใส่ไปชิมไปดีกว่าจ้ะ ถ้าใส่ไปทีเดียวแล้วจะอาจแก้ไม่ทัน เพราะอาจจะเปรี้ยวเกินไปหรือหวานเกินไป)
  4. น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะที่อร่อย จะต้องหวานนำ เค็มตาม เผ็ดนิด ๆ และเปรี้ยวตามมาห่าง ๆ คอยคุมรสไว้ให้ เมื่อรสชาติเป็นที่พอใจแล้ว 
  5. จากนั้นเคี่ยวต่อไปจนน้ำจิ้มเริ่มดูออกข้นๆ แล้วจึงปิดไฟ
  6. ตักน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ ใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ

น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะสูตรที่ 3
สำหรับสูตรนี้ สามารถเตรียมน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะได้ปริมาณ 1 ลิตร และใช้เวลาในการทำประมาณ 20 นาที ถ้าต้องการเตรียมในปริมาณที่มากหรือน้อยกว่านี้ ก็สามารถทอนสัดส่วนเพิ่มหรือลดเครื่องปรุงได้
เครื่องปรุงและส่วนผสมน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ
  1. กะทิ 300 มล.
  2. ถั่วลิสงคั่วป่นละเอียด 200 กรัม
  3. พริกแกงมัสมั่น 20 กรัม
  4. พริกแกงพะแนง 20 กรัม
  5. น้ำตาลปี๊ป 80 กรัม
  6. น้ำมะขามเปียก 4 ช้อนโต๊ะ
  7. เกลือป่น ½ ชช.
(ขอขอบคุณสำหรับสูตรนี้จาก: foodtravel.tv)
วิธีทำน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ
  1. นำกะทิและน้ำพริกแกงมัสมั่น พริกแกงพะแนง ผัดรวมกันจนกะทิเดือดและแตกมัน
  2. ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊ป น้ำมะขามเปียก เกลือป่น คนจนน้ำตาลปี๊ปละลายจนหมด และกะทิเริ่มข้นขึ้นค่อยเติมถั่วลิสงป่นลงไป คนเล็กน้อย เป็นอันเสร็จ พร้อมเสิร์ฟ
คำแนะนำเพิ่มเติม
  • ในการทำน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ นอกจากใช้พริกแกงเผ็ดแล้ว หากชอบให้น้ำจิ้มมีกลิ่นเครื่องเทศหอมๆ ละก็ ก็สามารถใช้พริกแกงมัสมั่นแทนได้ดีเช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น